การติดตั้งวงจรที่สอง (Second Circuit) สำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้าน การแยกระบบไฟฟ้าสำหรับ EV Charger ออกจากวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน ยังช่วยลดปัญหาไฟตกหรือโอเวอร์โหลดในระบบไฟฟ้า ทำให้เหมาะสำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการใช้งาน EV Charger อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เหตุผลที่ควรติดตั้งวงจรที่สองสำหรับ EV Charger
- เพิ่มความปลอดภัย
การแยกวงจรไฟฟ้าสำหรับการชาร์จ EV Charger ช่วยป้องกันปัญหาไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระบบไฟฟ้าหลักของบ้าน - รองรับการใช้ไฟฟ้าสูง
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามักต้องการกำลังไฟฟ้าสูง เช่น 7.4 kW (1 เฟส) หรือ 22 kW (3 เฟส) การแยกวงจรจะช่วยลดโหลดไฟฟ้าในวงจรเดิม - จัดการค่าไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น
การติดตั้งวงจรแยกเฉพาะสำหรับ EV Charger ช่วยให้สามารถตรวจสอบค่าไฟสำหรับการชาร์จรถยนต์ได้ง่าย โดยไม่ปะปนกับการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
ขั้นตอนการติดตั้งวงจรที่สองสำหรับ EV Charger
1. ประเมินและขออนุญาตติดตั้งจากการไฟฟ้า
- ติดต่อการไฟฟ้านครหลวง (MEA) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เพื่อขออนุญาตติดตั้งวงจรที่สอง
- เตรียมเอกสาร เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน และแบบคำขออนุญาต
- หากต้องการติดตั้งมิเตอร์ลูกที่สอง สามารถยื่นคำร้องเพื่อขอมิเตอร์ไฟฟ้าใหม่
2. เดินระบบไฟฟ้าวงจรที่สอง
- เดินสายไฟตรงจากมิเตอร์ลูกที่สองไปยัง EV Charger
- ใช้สายไฟฟ้าคุณภาพสูง เช่น สาย VCT หรือ IEC ขนาด 6-10 ตร.มม. ขึ้นอยู่กับกำลังไฟของ EV Charger

3. ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า
- ติดตั้ง เบรกเกอร์ และ RCBO (Residual Current Breaker with Overcurrent) เพื่อป้องกันกระแสไฟเกินและไฟรั่ว
- ใช้ RCBO Type B ที่เหมาะสำหรับ EV Charger และสามารถป้องกันกระแสไฟรั่วในระดับ 30 mA
4. ติดตั้งตู้ควบคุมไฟฟ้า (Consumer Unit)
- ติดตั้งตู้ควบคุมไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน เช่น ยี่ห้อ Schneider หรือ ABB เพื่อควบคุมระบบไฟฟ้าสำหรับ EV Charger โดยเฉพาะ
5. ติดตั้งสายดิน (Grounding)
- ติดตั้งแท่งกราวนด์ขนาด Ø16 มม. เชื่อมต่อสายดินกับระบบไฟฟ้า เพื่อป้องกันไฟฟ้ารั่วและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
6. ทดสอบระบบไฟฟ้า
- หลังการติดตั้ง ให้ช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบระบบทั้งหมด และทดสอบการทำงานของ EV Charger เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างปลอดภัย
อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการติดตั้งวงจรที่สอง
- สายไฟฟ้าคุณภาพสูง
เช่น สาย VCT 3C x 6 sq.mm หรือ 10 sq.mm สำหรับการเดินสายจากมิเตอร์ไปยัง EV Charger - เบรกเกอร์และ RCBO
ใช้เบรกเกอร์ที่รองรับกระแสไฟสูง เช่น 40-50A พร้อม RCBO Type B - ตู้ควบคุมไฟฟ้า (Consumer Unit)
ยี่ห้อที่แนะนำ: Schneider, ABB, หรือ Hager - แท่งกราวนด์ (Ground Rod)
ติดตั้งแท่งกราวนด์ที่ได้มาตรฐานเพื่อเสริมความปลอดภัย

ข้อควรระวังในการติดตั้งวงจรที่สอง
- ห้ามต่อสายไฟจากวงจรไฟเดิมมาที่วงจร EV Charger เพื่อป้องกันไฟลัดวงจร
- ติดตั้งโดยช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตและมีความเชี่ยวชาญ
- เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน มอก. หรือ IEC
ประโยชน์ของการติดตั้งวงจรที่สองสำหรับ EV Charger
- ความปลอดภัยสูงสุด: ลดความเสี่ยงจากไฟฟ้ารั่วและไฟฟ้าลัดวงจร
- รองรับการชาร์จในอนาคต: สามารถรองรับ EV Charger ขนาดใหญ่ หรือการชาร์จรถยนต์หลายคัน
- เพิ่มประสิทธิภาพ: ระบบไฟฟ้าแยกเฉพาะช่วยลดโหลดไฟในวงจรเดิม
สรุป
การติดตั้งวงจรที่สองสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน โดยการแยกวงจรไฟฟ้าช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาไฟฟ้าในบ้าน และเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จ EV Charger ให้เต็มกำลัง ทั้งนี้ ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน และติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าของคุณมีความปลอดภัยและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ