Net Metering คืออะไร?

คู่มือเลือกซื้อแผงโซล่าเซลล์ในประเทศไทย: ยี่ห้อไหนดี? (อัปเดต 2025)

ปัจจุบัน แผงโซล่าเซลล์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งในภาคครัวเรือน โรงงานอุตสาหกรรม หรือโครงการพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดมีตัวเลือกมากมายจากหลากหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์มีข้อดีและจุดเด่นแตกต่างกันไป ดังนั้น การเลือกซื้อแผงโซล่าเซลล์ที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุน

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจประเภทของแผงโซล่าเซลล์ ยี่ห้อที่วางขายในประเทศไทย พร้อมข้อมูลจำเพาะ ราคา และแนวโน้มเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อแผงที่ดีที่สุดสำหรับบ้านหรือธุรกิจของคุณ


ประเภทของแผงโซล่าเซลล์

แผงโซล่าเซลล์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้:

  1. Monocrystalline (โมโนคริสตัลไลน์)
    • ผลิตจากผลึกซิลิคอนเดี่ยว มีสีดำเข้ม
    • ประสิทธิภาพสูงสุด (15-22%)
    • ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่าแผงชนิดอื่น
    • อายุการใช้งานยาวนานกว่า 25 ปี
  2. Polycrystalline (โพลีคริสตัลไลน์)
    • ผลิตจากผลึกซิลิคอนหลายชิ้นหลอมรวมกัน มีสีฟ้า
    • ประสิทธิภาพรองจากโมโนคริสตัลไลน์ (13-18%)
    • ราคาถูกกว่าเล็กน้อย แต่ใช้พื้นที่มากกว่า
  3. Thin-Film (ฟิล์มบาง)
    • ทำจากวัสดุหลากหลาย เช่น CdTe, CIGS หรืออะมอร์ฟัสซิลิคอน
    • น้ำหนักเบาและบางที่สุด สามารถโค้งงอได้ในบางกรณี
    • ประสิทธิภาพต่ำกว่าประเภทอื่น (~7-14%)
    • เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ หรือแผงโซล่าร์ติดตั้งบนกระจก
แผงโซล่าเซลล์ (Solar Panel)

แผงโซล่าเซลล์ Tier 1 คืออะไร?

แผงโซล่าเซลล์ที่จัดอยู่ในระดับ Tier 1 หมายถึงแผงที่ผลิตโดยบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือสูงในระดับสากล ซึ่งได้รับการรับรองจาก Bloomberg New Energy Finance (BNEF) การจัดอันดับนี้พิจารณาจากความมั่นคงทางการเงินของบริษัท ความสามารถในการผลิตปริมาณมาก และมีประวัติการจัดจำหน่ายที่ยาวนาน

ข้อดีของแผงโซล่าเซลล์ Tier 1:

  • ผลิตจากบริษัทที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
  • มีมาตรฐานการผลิตสูง และใช้วัสดุคุณภาพดี
  • รับประกันประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้ายาวนาน (มากกว่า 25 ปี)
  • มีโอกาสเคลมประกันและได้รับบริการหลังการขายที่ดีขึ้น

แบรนด์ที่มักได้รับการจัดอันดับเป็น Tier 1 ได้แก่ Jinko Solar, LONGi Solar, Trina Solar, Canadian Solar, JA Solar เป็นต้น


แผงโซล่าเซลล์ 2 หน้า (Bifacial Solar Panel)

แผงโซล่าเซลล์แบบ สองหน้า (Bifacial) คือแผงที่สามารถรับแสงแดดได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยด้านหลังสามารถเก็บพลังงานที่สะท้อนมาจากพื้นผิว ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าแผงโซล่าทั่วไป

ข้อดีของแผงโซล่าเซลล์ 2 หน้า:

  • เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ 5-30% ขึ้นอยู่กับประเภทพื้นผิวที่สะท้อนแสง
  • ลดต้นทุนต่อหน่วยพลังงาน (LCOE) ได้มากขึ้น
  • มีความทนทานสูงเพราะใช้กระจกสองชั้นช่วยป้องกันแผงจากสภาพแวดล้อม

ข้อเสีย:

  • ต้องมีการออกแบบระบบติดตั้งให้สามารถรับแสงสะท้อนจากพื้นหลังได้
  • ราคาสูงกว่าแผงโซล่าทั่วไปเล็กน้อย

แบรนด์ที่ผลิตแผงโซล่าเซลล์ 2 หน้า ได้แก่:

  • Jinko Solar (รุ่น Tiger Neo Bifacial)
  • LONGi Solar (รุ่น Hi-MO5 Bifacial)
  • Trina Solar (รุ่น Vertex Bifacial)
  • Canadian Solar (รุ่น BiHiKu)

ยี่ห้อแผงโซล่าเซลล์ที่นิยมในประเทศไทย

1. Jinko Solar

  • ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก มียอดขายสูงสุดในหลายปี
  • รุ่นยอดนิยม: Tiger Neo (N-Type TOPCon)
  • ประสิทธิภาพสูง (~21-22%)
  • ราคาคุ้มค่า เหมาะสำหรับบ้านและโรงงาน
  • รับประกันประสิทธิภาพ 25-30 ปี

2. LONGi Solar

  • ผู้นำด้านเทคโนโลยีโมโนคริสตัลไลน์
  • รุ่นยอดนิยม: Hi-MO6 (HPBC)
  • ประสิทธิภาพเซลล์สูงกว่า 25%
  • ความเสถียรสูง อายุการใช้งานยาวนาน

3. Trina Solar

  • แบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้าน Multi-Busbar และ Bifacial
  • รุ่นยอดนิยม: Vertex N (N-Type i-TOPCon)
  • เหมาะกับโรงงานขนาดกลางถึงใหญ่

4. Canadian Solar

  • แบรนด์คุณภาพจากแคนาดา มีความน่าเชื่อถือสูง
  • รุ่นยอดนิยม: HiKu / BiHiKu
  • รองรับเทคโนโลยี N-Type และ Bifacial
  • มีโซลูชันแบตเตอรี่พ่วงสำหรับระบบกักเก็บพลังงาน

5. JA Solar

  • ผู้ผลิตแผงระดับ Tier 1 ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
  • รุ่นยอดนิยม: DeepBlue 4.0 Pro (N-Type Bycium+)
  • ใช้เทคโนโลยีเซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูง

สรุป

การเลือกซื้อแผงโซล่าเซลล์ที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับ งบประมาณ, ประสิทธิภาพ, และความต้องการของคุณ หากต้องการแผงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด LONGi และ Jinko เป็นตัวเลือกที่ดี หากต้องการแผงราคาประหยัด JA Solar และ Canadian Solar ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

หากคุณต้องการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อป ควรเลือกบริษัทติดตั้งที่มีมาตรฐาน และศึกษาราคาหลายๆ เจ้าเพื่อให้ได้ระบบที่คุ้มค่าที่สุด